วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2553

แก้วเจ้าจอม

ชื่อวิทยาศาสตร์: Guaiacum officinale L.

ชื่อสามัญ: Ligmum Vitae

ลักษณะ


ไม้ต้น สูง 10-15 ม. เปลือกต้นสีเทาเข้ม กิ่งมีข้อพองเห็นเป็นปุ่มๆ ทั่วไป ใบประกอบแบบขนนกปลายคู่ มีใบย่อย 2-3 คู่ เรียงตรงข้าม ใบย่อยไม่มีก้าน รูปไข่กลับ รูปไข่กว้าง หรือรูปรีเบี้ยวเล็กน้อย ปลายมน โคนสอบ ขอบเรียบ มีจุดสีส้มที่โคนใบย่อยด้านบน ดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกที่ยอด 3-4 ดอก สีฟ้าอมม่วงและจะซีดลงเมื่อใกล้โรย กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ โคนติดกันเล็กน้อย ร่วงง่าย กลีบดอก 5 กลีบ รูปรีหรือรูปไข่ เกสรเพศผู้ 10 อัน แยกกัน เกสรเพศเมียปลายแยกเป็น 5 แฉก ผลแห้งแตก รูปหัวใจกลับ มีครีบ 2 ข้าง สีเหลืองหรือสีส้ม มี 1-2 เมล็ด เมล็ดรูปรี สีน้ำตาล

ประโยชน์

นำมาปลูกในประเทศไทยเป็นไม้ประดับ แก่นไม้สีน้ำตาลถึงดำ แข็งมาก เป็นมัน และหนักมาก ทนต่อแรงอัดและน้ำเค็ม จึงนิยมนำมาใช้ทำกรอบประกับเพลาเรือเดินทะเล หรือกรอบประกับเพลาเครื่องจักรในโรงงานต่างๆ ทำรอก ด้ามสิ่ว และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องการความแข็งแรงมากๆ ยางไม้ใช้เป็นยาขับเสมหะ ยาระบาย ขับเหงื่อ แก้ข้ออักเสบ ใช้ร่วมในยาฟอกเลือด ทำเป็นยาอมแก้ต่อมทอนซิลและหลอดลมอักเสบ ละลายในเหล้ารัมและเติมน้ำเล็กน้อยใช้อมกลั้วคอแก้เจ็บคอ กินแก้ปวดท้อง และใช้ใส่แผล น้ำคั้นจากใบกินแก้อาการท้องเฟ้อ เปลือกและดอกเป็นยาระบาย ยาชงจากดอกเป็นยาบำรุงกำลัง

ฤดูกาลออกดอก

ออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน และเดือนสิงหาคม-ตุลาตคม

สภาพการปลูก

แก้วเจ้าจอมชอบอยู่กลางแจ้ง เป็นไม้กลางแจ้ง เติบโตได้ดีในดินร่วนระบายน้ำได้ดี

การขยายพันธุ์

ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ดหรือปักชำและ ตอนกิ่ง

การปลูกและดูแลรักษา

ปลูกเป็นไม้กระถางก็ได้หรีอปลูกลงดินก็ได้ วัสดุที่ใช้ปลูก คือ ดินก้ามปู : ปุ๋ยคอกอัตราส่วน 1:2:1

จากเว็บ http://www.thaigoodview.com



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...