แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผักบุ้ง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ผักบุ้ง แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ผักบุ้ง

ผักบุ้ง

ในอดีตบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางของไทยช่วงปลายฤดูฝนต่อถึงฤดูหนาว (ปลายฝน ต้นหนาว) จะมีน้ำหลากจากภาคเหนือมาท่วมท้องทุ่งนาเป็นปกติทุกปี น้ำจะท่วมอยู่นาน 3-4 เดือน ก็ค่อยๆแห้งลงไป ช่วงนี้เองตรงกับตอนแรกของสำนวนที่ว่า “น้ำท่วมทุ่ง” และเมื่อน้ำท่วมพื้นดินในท้องทุ่งก็จะเกิดพืชหลายชนิดที่เหมาะกับสภาพน้ำท่วมขึ้นงอกงามในท้องทุ่งร่วมกับต้นข้าวที่ชาวนาเพาะปลูกเอาไว้
ในบรรดาพืชที่ขึ้นในน้ำตามธรรมชาตินี้มีผักบุ้งซึ่งเป็นผักยอดนิยมของชาวบ้านขึ้นรวมอยู่ด้วย แทบทุกวันชาวบ้านมักพาย(หรือถ่อ)เรือออกไปในทุ่งเพื่อเก็บผักต่างๆมาประกอบอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือผักบุ้งนั่นเอง ดังนั้นชาวไทยในอดีตจึงเลือกผักบุ้งมาใช้ในสำนวน “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง”
ปัจจุบันโอกาสที่จะเกิด “น้ำท่วมทุ่ง” จริงๆนั้นยากมาก เพราะมีการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่กั้นแม่น้ำในภาคเหนือเอาไว้หลายเขื่อน (และกำลังจะสร้างเพิ่มอีกเรื่อยๆ) คงต้องรอให้เกิดภาวะผิดปกติที่เรียกว่า “อุทกภัย” ในภาคเหนือเสียก่อนนั่นแหละจึงจะเกิดน้ำท่วมทุ่งภาคกลางขึ้นได้ นอกจากนั้นเกษตรกร(รวมทั้งชาวนา)ยังฉีดพ่นสารเคมีกำจัดวัชพืชกันมากขึ้นทุกที ทำให้ผักบุ้งแทบจะสูญหายไปจากท้องทุ่งอยู่แล้ว อนาคตลูกหลานชาวไทยคงไม่มีโอกาสเห็น “น้ำท่วมทุ่ง ผักบุ้งโหรงเหรง” อันเป็นที่เกิดของสำนวนนี้เป็นแน่

ผักบุ้ง : ผักของบุ้ง?


เชื่อว่าชาวไทยส่วนใหญ่รู้จักผักบุ้งดีกว่าผักชนิดอื่นๆ แต่หากถามว่าทำไมจึงมีชื่อว่าผัก “บุ้ง” หลายคนคงนึกไม่ออก นอกจากนั้นหลายคนคงไม่รู้จัก “บุ้ง” ด้วย เพราะคนไทยปัจจุบัน(โดยเฉพาะคนในเมือง)มีไม่มากนักที่มีโอกาสรู้จักและพบเห็น “บุ้ง” ซึ่งเป็นตัวหนอนผีเสื้อชนิดหนึ่ง มีขนยาวเป็นอาวุธป้องกันตัว ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์(พ.ศ.2516) อธิบายว่า “บุ้ง : เป็นชื่อสัตว์ตัวเล็กอย่างหนึ่ง ตัวมันเท่าด้ามปากกา(ขนไก่) สั้นสักนิ้วเศษๆ ตัวเป็นขน คนถูกมันเข้าให้บวมแลคันนัก”
บุ้งก็เช่นเดียวกับหนอนผีเสื้ออื่นๆ คือกินยอดอ่อนและใบไม้เป็นอาหาร สำหรับบุ้งคงจะชอบใบผักบุ้งเป็นพิเศษ ชาวบ้านคงพบบุ้งที่ผักบุ้งมากกว่าที่อื่น จึงตั้งชื่อผักชนิดนี้ว่า “ผักบุ้ง” ไปด้วย
หนังสืออักขราภิธานศรับท์อธิบายผักบุ้งเอาไว้ว่า “เป็นต้นผักเกิดในน้ำแลในที่ลุ่มๆ ไม่มีน้ำบ้าง เขาเก็บเอามาต้มแกงแลดองกินกับข้าวนั้น”

ผักบุ้งนับว่าเป็นพืชที่ปรับตัวเข้ากับสภาพน้ำได้ดีมาก จนได้ชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Ipomoea aquatica Forsk. จะเห็นว่าชื่อชนิด(species)คือ aquatica หมายถึงน้ำหรือชอบขึ้นในน้ำนั่นเอง ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษคือ Water cabbage(หรือผักกาดน้ำ) ก็เน้นเกี่ยวกับน้ำเช่นเดียวกัน

ผักบุ้งเป็นพืชจำพวกเถาเลื้อย ลำต้นกลมเป็นปล้อง ข้างในกลวงคล้ายลำไผ่ ปล้องที่กลวงนี้ช่วยให้ผักบุ้งลอยอยู่ในน้ำได้ดี ใบและยอดแตกออกตามข้อ(รวมทั้งราก) ก้านใบยาวกลวง ใบลักษณะคล้ายหัวลูกศร ดอกบานเป็นปากแตร กลีบดอกสีม่วงหรือขาว(ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์) ผลกลมขนาดเล็ก ในลำต้นและก้านใบมียางสีขาว ผักบุ้งมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในเขตร้อนน้ำท่วมขังของทวีปเอเชีย ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย ชาวไทยจึงรู้จักคุ้นเคยกับผักบุ้งมาแต่โบราณกาล

บริเวณที่ราบลุ่มซึ่งไม่แห้งแล้งเกินไปจะพบผักบุ้งขึ้นตามธรรมชาติอยู่ทั่วไป ชาวชนบทที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำลำคลอง นิยมนำผักบุ้งมามัดเป็นแพลอยอยู่ในแม่น้ำลำคลองบริเวณชายตลิ่ง เพื่อเอาไว้เก็บมาบริโภคโดยไม่ต้องไปเก็บไกลบ้าน แพผักบุ้งช่วยป้องกันคลื่นจากเรือที่ผ่านไปมามิให้กระแทกเซาะดินที่ตลิ่งอีกด้วย นอกจากนั้นบริเวณใต้แพผักบุ้งยังมีสัตว์น้ำหลายชนิดชอบมาอาศัย เช่น ปลา กุ้ง หอย เจ้าของผักบุ้งสามารถจับมาเป็นอาหารได้ตลอดปี

ผักบุ้งในประเทศไทยแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ คือ ผักบุ้งไทยและผักบุ้งจีน ผักบุ้งไทยคือผักบุ้งสายพันธุ์ธรรมชาติที่ขึ้นเองหรือชาวบ้านนำมามัดเป็นแพลอยอยู่ตามแม่น้ำลำคลอง ผักบุ้งไทยลำต้นมีสีเข้ม เขียวอมม่วง ทนทานแข็งแรง มียางมากกว่าพันธุ์ผักบุ้งจีน
ผักบุ้งจีนเป็นพันธุ์ที่นำมาจากต่างประเทศ ปัจจุบันผลิตเมล็ดได้เองในประเทศไทย นิยมปลูกเป็นการค้า ลำต้นค่อนข้างขาว ใบสีเขียวอ่อน ดอกสีขาว มียางน้อยกว่าผักบุ้งพันธุ์ไทย เกษตรกรปลูกผักบุ้งพันธุ์จีนขายเป็นส่วนใหญ่

ผักยอดนิยม : เพียบพร้อมด้วยรสชาติและคุณค่า

ชาวไทยรู้จักนำผักบุ้งมาประกอบอาหารตั้งแต่โบราณกาล นับได้ว่าเป็นผักสำหรับคนทุกระดับชั้น ตั้งแต่เศรษฐีไปจนถึงยาจก เพราะเก็บเอาเองได้โดยไม่ต้องซื้อหา
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีมีบันทึกในพงศาวดารว่า ครั้งหนึ่งมีการเก็บภาษีผักบุ้งจากราษฎรทำให้เกิดความเดือดร้อนไปทั่ว จนมีผู้ร้องเรียนพระเจ้าแผ่นดิน ในที่สุดภาษีผักบุ้งก็ถูกยกเลิกไป การที่มีบันทึกในพงศาวดารเช่นนี้แสดงว่าผักบุ้งมีความสำคัญต่อชีวิตของคนในสมัยนั้นมาก ยากจะหาผักชนิดใดเปรียบเทียบได้ แม้ในปัจจุบันความสำคัญของผักบุ้งก็มิได้ลดลงแต่อย่างใด

คนไทยใช้ผักบุ้งประกอบอาหารได้หลายชนิด ตั้งแต่กินสดๆ กับน้ำพริก ปลาร้า ส้มตำ ฯลฯ หรือต้มให้สุก ดองเป็นผักดองก็ได้ นำไปแกง เช่น แกงส้ม แกงเทโพ ฯลฯ ก็ดี แต่ตำรับอาหารจากผักบุ้งที่นับว่ายอดนิยมและรู้จักดีที่สุดเห็นจะได้แก่ ผัดผักบุ้งไฟแดงที่มีไฟลุกท่วมกระทะนั่นเอง ยิ่งกว่านั้นร้านอาหารบางแห่งยังคิดค้นวิธีเสิร์ฟผักบุ้งไฟแดงด้วยวิธีพิเศษเรียกว่า “ลอยฟ้า” โดยเหวี่ยงจากกระทะลอยไปหาจาน (ซึ่งมีคนคอยรับ) ห่างออกไปนับสิบเมตรจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก

นอกจากรสชาติแล้วผักบุ้งยังมีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกด้วย เช่น ธาตุเหล็ก แคลเซียม และฟอสฟอรัส มีสูงกว่าผักชนิดอื่นๆ ทั้งยังมีวิตามินเอและซีมากด้วย คนไทยเชื่อว่าผักบุ้งช่วยบำรุงสายตา(กินผักบุ้งแล้วตาหวาน)น่าจะเป็นความจริง เพราะผักบุ้งมีวิตามินเอและคาโรทีนอยด์ซึ่งเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้อยู่สูง

ประโยชน์ด้านอื่นๆของผักบุ้ง

ผักบุ้งใช้เลี้ยงสัตว์ได้ดี เช่น หมู เป็ด ไก่ กระต่าย และปลา เป็นต้น นอกจากนี้ผักบุ้งยังมีคุณสมบัติด้านสมุนไพรหลายประการ เช่น

น้ำคั้นจากลำต้น(สด) : ทำให้อาเจียน ถอนพิษเบื่อเมาต่างๆ เช่นสารหนู ฝิ่น และพิษงู เป็นต้น

ต้น : ต้มกับเกลือ อมแก้เหงือกบวม(รำมะนาด) ต้มกับน้ำตาล ดื่มแก้ริดสีดวงทวาร และตำสดๆ พอกรักษาริดสีดวงทวาร

ต้นและใบ : ต้มเอาน้ำดื่มเป็นยาระบาย

ใบ : รสจืดเย็น กินแก้ตาฟาง บำรุงประสาทตา

ดอกตูม : รักษากลากเกลื้อน

ผักบุ้งเป็นผักพื้นบ้านที่ปลูกง่ายที่สุดอย่างหนึ่ง ปลูกได้ทั้งในน้ำ บนดิน และในกระถาง ปลูกครั้งเดียวเก็บได้นานเพราะตัดยอดแล้วงอกใหม่ได้อีกหลายครั้ง โรคแมลงน้อย เมล็ดหาได้ง่าย จึงเป็นผักที่น่าปลูกเอาไว้ในบ้านเรือนเป็นอย่างยิ่ง


ผักบุ้งจีน

ลักษณะทั่วไป

ผักบุ้งจีนเป็นพืชพันธุ์เมืองร้อนชนิดหนึ่งที่คนไทยนิยมบริโภคกันมาก ลักษณะของผักบุ้ง รากของผักบุ้งจีนเป็นระบบรากแก้ว มีรากแขนง แตกออกทางด้านข้างของรากแก้ว และยังสามารถแตกเป็นรากฝอยออกมาจากข้อของลำต้น โดยมักจะเกิดตามข้อที่อยู่บริเวณโคน เถาลำต้น ผักบุ้งจีนเป็นไม้ล้มลุก ระยะเติบโตจะมีลำต้นตรง ใบผักบุ้งเป็นใบเดียว รูปคล้ายหอก โคนใบกว้าง เรียวเล็กไปตอนปลาย

การขยายพันธุ์

ขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดในการปลูก


ระยะเวลาปลูก

20-25 วัน ก็สามารถเก็บได้

การเตรียมดินในการปลูก

เนื่องจากผักบุ้งจีนเป็นพืชที่มีระบบรากตื้น และอายุการเก็บเกี่ยวสั้นประมาณ 20-25 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ ในการเตรียมดินควรไถดะลึกประมาณ 10-15 ซม. แล้วตากไว้ประมาณ 10-15 วัน แล้วทำการไถพรวนย่อยดินแล้วยกแปลงปลูก หลังจากทำแปลงเรียบร้อยแล้ว จึงใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก ย่อยดินและปุ๋ยให้เข้ากัน หากเป็นกรดมาก ควรใส่ปูนขาวเพื่อปรับความเป็นกรดของดิน

วิธีปลูก

การปลูกผักบุ้งจีนนิยมปลูกแบบหว่าน หรือบางครั้งอาจใช้โรยเมล็ดเป็นแถว เนื่องจากเมล็ดผักบุ้งจีนมีเปลือกที่หนาและแข็ง ทำให้งอกค่อนข้างยาก ควรใช้วิธีกระตุ้นเมล็ดก่อน โดยใช้น้ำอุ่นเป็นตัวกระตุ้น นำเมล็ดผักบุ้งแช่น้ำอุ่นไว้ประมาณ 4-5 ชั่วโมง แล้วจึงนำไปปลูก

การดูแลรักษา

การให้น้ำ ผักบุ้งจีนเป็นพืชที่ชอบดินปลูกที่ชุ่มชื้น แม่ไม่แฉะจนมีน้ำขัง ควรรดน้ำผักบุ้งจีนทุก ๆ วัน วันละ 1-2 ครั้ง

การใส่ปุ๋ย ถ้าดินปลูกมีความอุดมสมบูรณ์หรือมีการใส่ปุ๋ยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมีแต่ถ้าดินไม่ค่อยสมบูรณ์ควรมีการใส่ปุ๋ยคอก ในการใส่ปุ๋ยเคมีนั้นจะมีวิธีการละลายน้ำรด 3-5 วัน/ครั้ง โดยใช้อัตราส่วน ปุ๋ยยูเรีย 10 กรัม/น้ำ 20 ลิตร จะเป็นการช่วยให้ผักบุ้งจีนเจริญเติบโตดี


การเก็บเกี่ยว

หลังจากหว่านเมล็ดพันธุ์ผักบุ้งจีนลงแปลงปลูกได้ 20-25 วัน ผักบุ้งจีนจะเจริญเติบโตมีความสูงประมาณ 30-35 ซม. ให้ถอนต้นผักบุ้งจีนออกจากแปลงปลูกทั้งต้นและราก หลังจากนั้นล้างรากให้สะอาดนำมาผึ่งไว้

ผักบุ้งไทย

ชื่อ "ผักบุ้งไทย"

วงศ์ "CONVOLVULACEAE"

ชื่อวิทยาศาสตร์ "Ipomoea aquatica Foisk. Ipomoeareptans Poir. (Syn.)"

ชื่อพื้นเมือง"ผักทอดยอด(กรุงเทพฯ) ผักบุ้งไทย(กลาง)
ผักบุ้ง(ทั่วไป)ผักบุ้งแดง ผักบุ้งไทย ผักบุ้งนา กำจร(ฉานขแม่ฮ่องสอน)"

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ผักบุ้งเป็นไม้น้ำและเป็นไม้ล้มลุก ลำต้นเลื้อยทอดไปตามน้ำหรือในที่ลุ่มที่มีความชื้นหรือดินแฉะๆ ลำต้น
กลวงสีเขียวมีข้อปล้องและมีรากออกตามข้อได้เป็นใบเดี่ยวออกแบบสลับเช่นรูปไข่รูปไข่แถบขอบขนานรูปหอก
รูปหัวลูกศรขอบใบเรียบหรือมีควั่นเล็กน้อยปลายปลายใบแหลมหรือมนฐานใบเว้าป็นรูปหัวใจใบยาว3-15ซม.
กว้าง1-9ซม. ดอกเป็นรูประฆังออกที่ซอกใบแต่ละช่อมีดอกย่อย1-5ดอก กลีบเรียงสีเขียวกลีบดอกมีทั้งสีขาว สีม่วงแดง สีชมพูม่วงกลีบดอกจะติดกันเป็นรูปกรวยมีสีขาวอยู่ด้านบนและมีสีม่วงหรือสีชมพูอยู่ที่ฐาน
เกสรตัวผู้มี 5 อันยาวไม่เท่ากันผลเป็นแบบแคปซูลรูปไข่หรือกลมสีน้ำตาลมีเมล็ดกลมสีดำ

การปลูก
ผักบุ้งเป็นไม้ที่ปลูกได้ในดินทุกชนิดขึ้นได้ในที่แห้งแล้ง แต่หากมีน้ำมากก็จะทำให้ลำต้นเจริญงอกงามดี
เป็นพืชที่ขยายพันธุ์ง่ายและรวดเร็วปลูกโดยการแยกกิ่งแก่ไปปักชำ

ประโยชน์ทางยา
ผักบุ้งรสเย็นสรรพคุณถอนพิษเบื่อเมา รากผักบุ้งรสจืดเฝื่อนสรรพคุณถอนพิษผิดสำแดง

ประโยชน์ทางอาหาร
ส่วนที่เป็นผัก/ฤดูกาลยอดอ่อนใบอ่อนของผักบุ้งเป็นผักได้และผักบุ้งเป็นพืชออกยอดตลอดปีและมีมากในช่วง
ฤดูฝนการปรุงอาหารคนไทยทุกภาครับประทานผักบุ้งมีการปลูกและการจำหน่ายในท้องตลาดอย่างแพร่หลาย
ในทุกฤดูกาลผักบุ้งเป็นผักที่ปรุงเป็นอาหารได้หลายชนิดนับตั้งแต่รับประทานยอดอ่อนเป็นผักสดหรืออาจนึ่ง ลวกและราดกะทิแกล้มกับน้ำพริกรับประทานเป็นผักสดกับส้มตำลบก้อยยำและนำยอดอ่อนและใบอ่อนไปปรุง
เป็นอาหารเช่นผัดจืดใส่หมูปลาไก่หรือผัดกับน้ำพริกและหมูนอกจากนี้ยังนำไปแกงเช่นแกงส้มแกงคั่วเป็นต้น
นอกจากนี้ผักบุ้งสามารถนำไปดองและนำไปปรุงเป็นข้าวผัดคลุกน้ำพริกผักบุ้งดองหรือนำไปเป็นผักแกล้มน้ำ
พริกเป็นต้น

รสและประโยชน์ต่อสุขภาพ
รสจืดเย็นช่วยขับพิษถอนพิษเบื่อเมาผักบุ้งขาว 100 กรัมให้พลังงานต่อร่างกาย 22 กิโลแคลอรี่ประกอบด้วย
เส้นใย101กรัมแคลเซียม3มิลลิกรัมฟอสฟอรัส22มิลลิกรัมเหล็ก3มิลลิกรัมวิตามินเอ11447IU วิตามินบีหนึ่ง 0.06 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง0.17มิลลิกรัมไนอาซิน1.3มิลลิกรัมวิตามินซี 14 มิลลิกรัม
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...