ชื่อวิทยาศาสตร์ : dBuddieia asiatica Lour.
วงศ์ : LOGANIACEAE
ลักษณะทั่วไป
ต้น : เป็นพรรณไม้พุ่ม ลำต้นจะมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร
ใบ : จะมีความกว้างประมาณ 3 ซม. และยาวประมาณ 13 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ลักษณะใบเป็นรูปหอก
ขอบใบเรียบ หรือเป็นหยักเล็กน้อย ตรงปลายใบจะเรียวแหลม ส่วนโคนใบจะสอบ ด้านล่างจะมีขน
ดอก : จะออกเป็นช่อ ตรงยอดและตามง่ามใบ ลักษณะของดอกจะหนาแน่นและมีขน หรือเกลี้ยง มีเกสรตัวผู้อยู่ 4 อัน จะติดอยู่ภายในท่อดอก ก้านเกสรจะสั้น และมีอับเรณูเป็นรูปไข่ ส่วนเกสรตัวเมียจะมีอยู่ 1 อัน ภายในจะมีอยู่ 2 ช่อง
ผล : ผลแห้งจะไม่มีเนื้อ มีลักษณะเป็นรูปรี มีความยาวประมาณ 6 มม. ภายในจะมีเมล็ด
การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น ใช้เป็นยา
สรรพคุณ : ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง และเป็นยาทำให้แห้ง
ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้ขึ้นได้ทั่วไปในประเทศไทย เป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของเอเซีย
กลับสู่ : หน้าหลัก พืชผัก พืชสมุนไพร
ใบ : จะมีความกว้างประมาณ 3 ซม. และยาวประมาณ 13 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ลักษณะใบเป็นรูปหอก
ขอบใบเรียบ หรือเป็นหยักเล็กน้อย ตรงปลายใบจะเรียวแหลม ส่วนโคนใบจะสอบ ด้านล่างจะมีขน
ดอก : จะออกเป็นช่อ ตรงยอดและตามง่ามใบ ลักษณะของดอกจะหนาแน่นและมีขน หรือเกลี้ยง มีเกสรตัวผู้อยู่ 4 อัน จะติดอยู่ภายในท่อดอก ก้านเกสรจะสั้น และมีอับเรณูเป็นรูปไข่ ส่วนเกสรตัวเมียจะมีอยู่ 1 อัน ภายในจะมีอยู่ 2 ช่อง
ผล : ผลแห้งจะไม่มีเนื้อ มีลักษณะเป็นรูปรี มีความยาวประมาณ 6 มม. ภายในจะมีเมล็ด
การขยายพันธุ์ : โดยการเพาะเมล็ด
ส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น ใช้เป็นยา
สรรพคุณ : ทั้งต้น ใช้เป็นยารักษาโรคผิวหนัง และเป็นยาทำให้แห้ง
ถิ่นที่อยู่ : พรรณไม้นี้ขึ้นได้ทั่วไปในประเทศไทย เป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของเอเซีย
กลับสู่ : หน้าหลัก พืชผัก พืชสมุนไพร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น