
มะม่วงหิมพานต์เป็นไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของอเมริกา เขตแล้งชายฝั่งทะเลตอนกลางและตอนเหนือของบราซิล มะม่วงหิมพานต์เผยแพร่ไปยังส่วนต่างๆ ของโลกโดยนัดเดินเรือชาวสเปน เข้าสู่ประเทศไทยพร้อมๆกับยางพารา ในราว พ.ศ. 2444 พระยารัชฎานุประดิษฐ์
เราใช้ส่วนของผลหรือที่เรียกกันทั่วไปว่าเมล็ดรับประทาน ปรุงอาหาร น้ำจากก้านผลใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ขับปัสสาวะ ใช้ผลิตไวน์ และช่วยกระตุ้นสมองให้จำได้ดีขึ้น ใบอ่อนใช้แก้โรคท้องร่วง โรคบิด ใบแก่ใช้บดพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ยางของมะม่วงหิมพานต์ใช้เป็นยากันปลวก ใช้ทำกาว
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
มะม่วงหิมพานต์มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Anacardium accidentale L. อยู่ในตระกูลเดียวกับมะม่วงคือ

ใบ ค่อนข้างหนา ปลายใบกลมมน โคนใบแหลม ใบออกเป็นพุ่ม
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบพานิเคิล แต่ละดอกมีขนาดเล็กมาก มีกลิ่นหอม มีกลีบดอก 5 กลีบสีขาว กลีบเลี้ยง 5 กลีบ เมื่อดอกบานจะเริ่มเปลี่ยนจากสีขาวไปเป็นสีชมพูอมเหลือง ดอกมี 3 ชนิด คือ ดอกตัวผู้ ดอกตัวเมีย และดอกกะเทยอยู่บนช่อดอกเดียวกัน
ผล จะติดอยู่ตอนล่างของก้านอก ซึ่งเป็นก้านผลพองโตออก ส่วนผลที่แท้จริงคือ ส่วนที่มีรูปร่างคล้ายเมล็ด โดยทั่วไปเรียกว่า เมล็ด แท้ที่จริงแล้วคือ ผล เมื่อยังอ่อนมีสีเขียวเป็นมัน เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเทาหรือสีน้ำตาล มีเนื้อ ( kernel ) รูปไตอยู่ภายใน สีขาวนวล มีสองซีกประกบกัน
พันธุ์
พันธุ์ที่นิยมปลูก ได้แก่ ศิริชัย ศรีสะเกษ บราซิล อินเดีย อาฟริกา
การขยายพันธุ์
การเสียบยอดแบบเสียบลิ่ม
นิยมกระทำกับต้นมะม่วงหิมพานต์ที่มีต้นขนาดเล็ก ซึ่งได้จากการเพาะกล้าในถุงพลาสติกจนต้นโตได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำต้น 1/2-1 เซนติเมตรหรือเมื่ออายุได้ 2-2 1/2 เดือนหลังจากการเพาะแล้วจึงนำมาเสียบ
วิธีทำ
1. เพาะต้นตอลงในถุงพลาสติกจนอายุประมาณ 2- 2-1/2 เดือน
2. ตัดต้นตอเหลือยาว 3-5 นิ้ว ใช้มีดที่คมและสะอาดผ่าตามยาว แผลลึกประมาณ 1.5 เซนติเมตร
3. เลือกยอดพันธุ์ดีที่มีตาเต่งและเป็นยอดที่ไม่อ่อนหรือแก่เกินไป
4. ตัดใบที่ติดอยู่กับยอดให้หมดและเอาตายอดเหลือไว้เพียง 1 ตา ใช้มีดเฉือนยอดให้เป็นรูปลิ่ม
5. เสียบยอดพันธุ์ดีลงบนต้นตอที่เตรียมไว้ให้เปลือกของต้นตอสัมผัสกับกิ่งพันธุ์ดีทั้ง 2 ข้าง หรือด้านใดด้านหนึ่ง
6. พันรอยแผลด้วยผ้าพลาสติกโดยพันจากล่างขึ้นบนจนมิดรอยแผล
7. ครอบด้วยถุงพลาสติก เพื่อต้นที่ต่อไว้จะได้ไม่เหี่ยว แล้วนำเข้าไว้ในที่ร่ม
8. เอาถุงที่ครอบออกเมื่อยอดพันธุ์ดีเริ่มแตกผลิยอดออกมาซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 25-30 วัน
การเสียบยอดแบบเสียบเปลือก
นิยมกระทำกับต้นมะม่วงหิมพานต์ที่มีต้นหรือกิ่งค่อนข้างโตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้วขึ้นไป
วิธีทำ
1. ต้นมะม่วงหิมพานต์ที่จะเปลี่ยนพันธุ์ดีบริเวณกิ่งต่างๆ ทุกกิ่ง โดยลอกเปลือกกิ่ง มะม่วงหิมพานต์ให้แผลยาว 3-5 นิ้ว แล้วตัดเปลือกที่ลอกออกให้เหลือ 1 ใน 3
2. เลือกยอดที่มีตาเต่งยอดไม่อ่อนหรือแก่เกินไป ตัดยอดให้ยาว 3-5 นิ้ว และริดใบออกให้หมด
3. ใช้มีดที่คมและสะอาดเฉือนยอดพันธุ์ดี
4. สอดยอดพันธุ์ดีลงในรอยเผยอของเปลือกที่เตรียมไว้ตามข้อ 1 ให้รอยแผลของกิ่งพันธุ์ดีแนบชิดกับต้นตอที่เปิดเปลือก
5. พันพลาสติกใสจากล่างขึ้นบน เพื่อกันน้ำซึมเข้าแผล
6. แก้พลาสติกออกหลังจากตาเริ่มผลิออก
7. การเจริญเติบโตของยอดมะม่วงหิมพานต์พันธุ์ดี
การปลูก
มะม่วงหิมพานต์สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ดินเปรี้ยวก็สามารถปลูกได้ แต่จะต้องเป็นดินที่มีการระบายน้ำได้ดี มะม่วงหิมพานต์สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้งได้ดี
เตรียมหลุมประมาณขนาด 30x30x30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกและ รอคฟอสเฟต นำต้นกล้ามาปลูกโดยใช้ระยะปลูกประมาณ 6x6-8x8xเมตร ในระยะ 1 – 2 ปี อาจทำการปลูกพืชแซม เช่น สับปะรด น้อยหน่า เป็นต้น เพื่อเสริมรายได้ในระยะแรก
ควรใส่ปุ๋ยคอกอย่างน้อยปีละครั้ง และใส่ปุ๋ยวิยาศาสตร์เช่น 13-13-21 ปีละ 2 – 3 ครั้ง คลุมโคนต้นในฤดูแล้งเพื่อช่วยรักษาความชื้น มะม่วงหิมพานต์ไม่ต้องการตัดแต่งมากนัก นอกจากมีโรคและแมลงเข้ารบกวน
การเก็บเกี่ยว
มะม่วงหิมพานต์สามารถออกติดผลตั้งแต่ปีแรก เริ่มให้ผลผลิตมากในราวเดือน ธันวาคม – มกราคม ผลจะแก่เก็บเกี่ยวได้ต่อเมื่ออายุประมาณ 75 วัน ภายหลังการออกดอก เก็บเกี่ยวโดยใช้ไม้ปลายแหลมจิ้ม ใช้ตะกร้อสอย หรือเขย่าให้ผลร่วง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น